”ผู้รับเหมาร้องเลขาฯอาชีวะ สั่ง ผอ.วิทยาลัยเทคนิค กลับเข้ารับราชการดื้อๆทั้งๆที่ถูกศาลทุจริตรับฟ้องเป็นจำเลย”

   เมื่อ : 24 เม.ย. 2567

 วันนี้ที่่สำนักงาน ป.ป.ช. นางประภัสสร ม่วงทิพย์ นำหนังสือ เข้ายื่นเรื่องร้องเรียน ถึงประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.

 

      เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา ขณะดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้  สั่งพักราชการและสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามคำสั่งสำนักงานอาชีวศึกษา ที่  584/2566 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2566 ให้พักราชการ นายเพชรโยธิน ราษฎร์เจริญ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคธัญบุรี ขณะนั้น  เพราะเหตุตกเป็นผู้ต้องหาในคดี ความผิดฐานเรียกรับสินบนเพื่อแลกกับการตรวจรับงานจ้างและสั่งอนุมัติจ่ายเงินค่าจ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. พร้อมตำรวจลงพื้นที่จับพร้อมเงินสดได้ที่ห้องทำงาน

 

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 ได้ยื่นฟ้องนายเพชรโยธิน ราษฎร์เจริญ ต่อศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานรับสินบนและเป็นเจ้าพนักงานปฎิหน้าที่ราชการโดยทุจริตตามมาตรา 149 และ 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญาซึ่งศาลได้ประทับรับฟ้องไว้แล้วปรากฎตามหนังสือสำนักงานอัยการคดีพิเศษฝ่ายปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 ด่วนที่สุด ที่ อส.0041(ปทภ ๑.๑)/217 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2567 รายละเอียดปรากฎตามสำเนาหนังสือที่ส่งมาด้วย(เอกสารหมายเลข 2) นายเพชรโยธิน ราษฎร์เจริญ จึงตกเป็นจำเลยโดยสมบูรณ์ และยังถือได้ว่าคำสั่งพักราชการยังมีผลสมบูรณ์ต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบันเว้นแต่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเท่านั้น

 

 แต่ปรากฎว่านายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาคนปัจจุบัน กลับออกคำสั่งให้นายเพชรโยธิน ราษฏร์เจริญ มาปฎิบัติราชการอีกครั้งที่วิทยาลัยเทคนิคธัญบุรี ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2567 และเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 นายเพชรโยธิน ราษฏร์เจริญ ได้ปฎิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการวิทยาลัย โดยเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารสถานศึกษาตามระเบียบวาระ

วันที่ 22 มีนาคม 2567 นายยศพล เวณุโกเศศ ได้ออกคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ 553/2567 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2567  อีกครั้งให้ย้ายและแต่งตั้งให้นายเพชรโยธิน ราษฎร์เจริญ ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ   ตำแหน่งเลขที่ 4486 วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ รับเงินเดือนๆละ 58430 บาท รับเงินค่าตอบแทนเดือนละ 5600 บาท ดังรายละเอียดปรากฎตามเอกสารหมายเลข 56

 

ซึ่งยังผลให้นายเพชรโยธิน ราษฎร์เจริญ เข้ามาปฎิบัติราชการในขณะที่ถูกสั่งพักราชการโดยชอบด้วยกฎหมาย อาจได้รับสิทธิประโยชน์รับเงินเดือนและค่าตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นจากเดิมเดือนละ 42140 บาท เป็นเดือนละ 58430 บาทและค่าตอบแทนวิทยฐานะเดือนละ 5600 บาท โดยมิชอบด้วยระเบียบกฎหมาย ขัดต่อนโยบายในการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของข้าราชการหรือไม่

 

 อาจเป็นช่องทางให้ข้าราชการที่ไม่ดีใช้อำนาจเงิน เป็นเครื่องมือซื้อขายตำแหน่งสูงขึ้นหรือไม่ สร้างอิทธิพลให้ไม่ถูกลงโทษทางวินัย ละเว้นไม่รักษากฎหมาย ระเบียบในการบริหารงานบุคคลทำให้ราชการเสียหายอย่างร้ายแรงเสมือนส่งเสริมสนับสนุนให้ข้าราชการทุจริตและประพฤติมิชอบมีอำนาจและตำแหน่งหน้าที่ในการกระทำการทุจริตกันอย่างมโหฬาร จนยากที่จะแก้ไขขจัดคนทุจริตและประพฤติมิชอบในที่สุด

 

    นางประภัสสร ม่วงทิพย์ ได้ระบุในหนังสือร้องเรียนว่า  นายยศพล เวณุโกเศศ นอกจากมีความสนิทสนมกับนายเพชรโยธิน ราษฎร์เจริญ เป็นการส่วนตัวโดยมีอดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและอดีตผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ รวมถึงนิติกร ในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นบุคคลเชื่อมโยงช่วยเหลือแล้ว เขายังเคยเห็นชอบตามที่ คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง และหัวหน้ากลุ่มงานวินัยให้ความเห็นว่าไม่มีมูลความผิดฐานรับเงินสินบนและเคยลงนามออกคำสั่งเพิกถอนคำสั่งพักราชการ ระหว่างสอบสวนวินัยร้ายแรงและสั่งให้นายเพชรโยธิน  ราษฏร์เจริญ กลับมาปฎิบัติราชการมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง 
 

ในช่วงที่เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ทั้งที่เจ้าหน้าที่ ปปท. เขต 1 และตำรวจลงพื้นที่จับกุมพบเงินจำนวนหนึ่งในโต๊ะทำงาน โดยมีการอ้างว่าเป็นเงินที่นางประภัสสร ม่วงทิพย์ บริจาคเข้ามา และครั้งนี้จึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นการออกคำสั่งต่างตอบแทนกันอีกครั้งหรือไม่

 

  จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและโปรดพิจารณาเร่งรัดตรวจสอบถึงการออกคำสั่งโดยมิชอบของนายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ว่าเป็นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่อย่างไร

 

การเข้าปฎิบัติราชการระหว่างถูกคำสั่งพักราชการของนายเพชรโยธิน ราษฎร์เจริญ ชอบด้วยระเบียบกฎหมายหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม รักษาไว้ถึงหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงานบุคคล ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เป็นสำคัญ

 

                                ######