”สมาคมผู้บริหารอาชีวะ(สบอท.) จับมือเครือข่ายคนรักษ์อาชีวะ (ค.ร.อ.ท.) ร่วมต่อสู้ช่วยพี่น้องอาชีวะที่ตกเป็นเหยื่อ SP2 กว่าสองร้อยคน”
จากกรณีที่มีข่าวทางสื่อมวลชนเกี่ยวกับ ปปช.ชี้มูลความผิดของข้าราชการในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรณีการจัดซื้อคุรุภัณฑ์โครงการไทยเข้มแข็ง (โครงการSP2) กว่าสองร้อยคน เมื่อครั้งอดีตในปี 2553 ซึ่งนับเวลากว่า 13 ปีแล้ว ซึ่ง ณ วันนั้นผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาและได้มาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งทางราชการอย่างถูกต้องตามระเบียบคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แต่ผลที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ปฏิบัติโดยสุจริตต้องรับกรรมต้องได้รับโทษทั้งทางวินัย ทางแพ่งและอาญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ยังอยู่ในภาคราชการอาจได้รับโทษถูกลงโทษทางวินัยถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออก ไม่ต่างจากคดีสนามฟุตซอล ที่ ปปช.ได้ชี้มูลความผิดกับข้าราชการในสังกัดสพฐ.ดังที่ผ่านมา
ด้านนายเศรษฐศิษฏ์ ณุวงค์ศรีประธานเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย(ค.ร.อ.ท.)ได้กล่าวถึงประเด็นที่ ปปช.ชี้มูลความผิดข้าราชการสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจากการทำหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยสุจริตแต่ต้องได้รับผลถูกลงโทษและได้รับโทษทางวินัย ทางแพ่ง และอาญา ทั้งที่ปฏิบัติงานตามระเบียบของทางราชการและคำสั่งของผู้บังคับบัญชาทั้งที่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับข้อกล่าวหาในเรื่องของการทุจริตตามข้อกล่าวหาของปปช.แต่อย่างใด
ในเรื่องดังกล่าว ค.ร.อ.ท. อยากขอวิงวอนให้สำนักงานปปช.ได้พิจารณาทบทวนให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา หรือสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาควรที่จะให้ความเป็นธรรมและให้การช่วยเหลือข้าราชการชั้นผู้น้อยได้รอดปลอดภัยจากข้อกล่าวหาดังกล่าวซึ่งถือว่าเป็นการประหารชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัวต้องมารับกรรมแทน
ประเด็นดังกล่าวประธานเครือข่ายฯ ค.ร.อ.ท. กล่าวว่าได้หารือกับนายทวีศักดิ์ คิ้วทอง นายกสมาคมผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย(สบอท.) หาวิธีการช่วยเหลือทางกฎหมายให้แก่พี่น้องชาวอาชีวะที่ได้รับผลกระทบ จะไม่นิ่งดูดายแน่นอน จะต้องดำเนินการเพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป