”เครือข่ายอาชีวะภาคประชาชน ออกแถลงการณ์ถึงนายกรัฐมนตรี พิจารณาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถด้านการศึกษามาดูแล ศธ.”

   เมื่อ : 27 ส.ค. 2566

26 สิงหาคม 2566
นายเศรษฐศิษฏ์ ณุวงค์ศรี  ประธานเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย(ค.ร.อ.ท.) ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวว่าการศึกษาของประเทศถ้าผู้บริหารประเทศไม่ให้ความสำคัญ ด้านการศึกษาไทยผลคือประชากรหรือผู้เรียน ประเทศชาติก็ไม่สามารถพัฒนาประชากรของประเทศให้มีความรู้มีวิชาชีพเจริญก้าวหน้าได้ ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับผู้ที่จะมาเป็นบริหารกระทรวงศึกษาธิการแต่อย่างใด นั่นคือไม่เคยคำนึงถึงความรู้ความสามารถและคุณสมบัติประสบการณ์ด้านการศึกษา ผู้ที่มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ถึงไม่ได้มีผู้ที่มีความรู้ประสบการณ์ด้านศึกษาโดยตรงมาบริหารกระทรวงเราจึงเห็นมีหมอ ทหาร ตำรวจ และพลเรือนมาเป็นรัฐมนตรี อาจจะเป็นสาเหตุมาจากกระทรวงศึกษาธิการไม่มีงบประมาณให้ดูแล ถึงแม้ว่าจะได้รับงบประมาณจำนวนมากแต่ส่วนมากเป็นงบค่าเงินเดือนมากกว่างบอื่นๆ จึงไม่สร้างแรงจูงใจให้พรรคการเมืองต่างๆ สนใจมาบริหารกระทรวงนี้ ขณะนี้ซึ่งกำลังจะมีการแบ่งกระทรวงกันของพรรคการเมืองที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลซึ่งเป็นที่น้อยใจว่าผู้บริหารประเทศจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับกระทรวงศึกษาธิการในเรื่องของการจัดบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โผที่ออกมาช่วงนี้มีทั้งหมอมีทั้งทหารมีทั้งตำรวจและพลเรือนแต่ไม่เคยคิดพิจารณาผู้ที่มีความรู้ความสามารถนักการศึกษาที่ผ่านประสบการณ์ด้านการศึกษามาบริหารกระทรวงแต่อย่างใด

เศรษฐา ทวีสิน
นายกรัฐมนตรี คนที่ 30

นายเศรษฐศิษฏ์ ณุวงค์ศรี  ประธานเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย(ค.ร.อ.ท.)ในนามภาคประชาชน ได้ออกแถลงการณ์เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ฯพณฯ เศรษฐา ทวีสิน ได้ให้ความสำคัญกับกระทรวงศึกษาธิการโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชาชนกำลังติดตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยตอนหาเสียงได้ให้คำมั่นสัญญากับพี่น้องประชาชนถึงเรื่องการปฎิรูปการศึกษาและจะให้การสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยเฉพาะด้านอาชีวศึกษาสู่ความก้าวหน้าสู่อนาคตที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครองผู้เรียนและสถานประกอบการ แต่เพราะเหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงไม่ได้แสดงเจตจำนงในการที่จะดูแลกระทรวงศึกษาธิการทั้งที่กระทรวงนี้เป็นกระทรวงที่สามารถสร้างชื่อเสียงและพัฒนาบุคลากรพัฒนาผู้เรียนให้ได้รับความรู้ที่จะนำไปพัฒนาตนเองเพื่อประกอบอาชีพในอนาคตและขณะเดียวกันเป็นการสร้างและพัฒนาการศึกษาให้ประเทศก้าวทันประเทศต่างๆในโลกนี้ได้

 

ประธานฯ ค.ร.อ.ท. ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงกระแสข่าว ณ ตอนนี้สร้างความวิตกกังวลให้กับคนทั้งประเทศในการที่หากรัฐบาลใหม่ได้แต่งตั้งผู้ที่ไม่มีความรู้ประสบการณ์ด้านการศึกษามาบริหารกระทรวงศึกษาธิการ แล้วการศึกษาจะพัฒนาได้อย่างไร ซึ่งตนคิดว่าประชาชนทั้งประเทศคงรับไม่ได้เช่นกัน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการขาดผู้บริหารที่มีความรู้มีประสบการณ์การบริหารการศึกษามาบริหารการศึกษา จึงทำให้การศึกษาไม่ขับเคลื่อนในทิศทางที่พัฒนาทันประเทศที่เจริญได้จากการขาดผู้นำที่มีวิสัยทัศน์มาบริหารกระทรวง ตนจึงฝากถึงท่านนายกรัฐมนตรี ถ้าเห็นแก่การพัฒนาประเทศจะต้องเห็นแก่การพัฒนาด้านการศึกษาถ้าเป็นไปได้พรรคเพื่อไทยควรที่จะเข้ามากำกับบริหารกระทรวงเพื่อที่จะให้สามารถดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงไว้