‘มหาวิทยาลัยเกริก’ เดินหน้ายกระดับความรู้ AI จัดสัมมนาวิชาการนานาชาติ “The Power of AI: Inspire Integrate Impact” เปิดเวทีถกอนาคตเทคโนโลยี พร้อมผนึกภาครัฐ-เอกชน ขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคดิจิทัล

ม.เกริก จัดสัมมนาใหญ่ “The Power of AI” เปิดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ สร้างโอกาสใหม่เพื่อสังคม ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่พลิกโฉมโลกอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงสร้างนวัตกรรมใหม่ แต่ยังบูรณาการเข้ากับทุกมิติของชีวิต ทั้งการศึกษา ธุรกิจ และสังคม ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยพลังแห่งการเรียนรู้และประมวลผลที่เหนือมนุษย์ AI กำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของอนาคต เพื่อสะท้อนบทบาทสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ในการขับเคลื่อนสังคมยุคใหม่
มหาวิทยาลัยเกริก โดยวิทยาลัยนานาชาติการบินและอวกาศ สำนักอธิการบดี ร่วมกับ The ASEAN Center for Multilingualism Translation and Interpretation (ASEAN MTI) และสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย จัดงานสัมมนาวิชาการนานาชาติ “The Power of AI: Inspire Integrate Impact” (พลังของ AI : จุดประกาย บูรณาการ เปลี่ยนแปลง)
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์ประชุมวิชาการนานาชาติ มหาวิทยาลัยเกริก โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก โดยมีพิธีเปิดในระดับชาติโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและนานาชาติ โดย President of the Association of Computational Linguistics
งานสัมมนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรและผู้ทรงคุณวุฒิระดับแนวหน้าของประเทศและต่างประเทศ ดังเช่น ISO ได้กล่าวถึง ระบบมาตรฐานการศึกษาแนวใหม่ด้วย AI Google นำเสนอ เทคโนโลยี AI ล่าสุด มหาวิทยาลัยเกียวโต เสนอ การเรียนรู้ในสถานศึกษาในยุค AI มาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์อันทรงคุณค่า
ไฮไลต์สำคัญคือการอภิปรายภาพรวมจาก Keynote Panelists ได้แก่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.มณีรัตน์ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา Director ASEAN MTI และราชบัณฑิตยสภาในเรื่อง สร้างพลัง AI ด้วยภูมิปัญญาของมนุษย์: จากผู้ใช้สู่ผู้ร่วมงาน ผศ.ดร.วิศรุต เลาะวิถี ผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี และรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพฯ เรื่อง พลังของ AI ในการศึกษา ดร.อภิเทพ แซ่โค้ว อธิการบดีมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด เรื่องพลังของ AI: การเปลี่ยนแปลงการศึกษาโลก การกำหนดพลเมืองโลกและดร.เศรษฐพันธ์ กระจ่างวงษ์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและพัฒนาทุนทางปัญญา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ ดร.กระแส ชนะวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกริก กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเกริกตระหนักดีว่าปัญญาประดิษฐ์ไม่ใช่เป็นเพียงกระแสชั่วคราวทางเทคโนโลยีแต่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่จะส่งผลกระทบต่อทุกมิติของชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น พลังของ AI ยังท้าทายและนิยามความหมายของ ‘ภาวะผู้นำ’ ในยุคใหม่ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุด คือ ความสามารถในการนำทางองค์กรและสังคมให้สามารถปรับตัวและเติบโตควบคู่ไปกับเทคโนโลยีได้อย่างมีคุณธรรม
ดร.เวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานในพิธีเปิด เผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบาย AI แห่งชาติ ได้หารือหลายประเด็นเกี่ยวกับบทบาทของภาครัฐ สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน คือ ตัวเลขที่ภาครัฐจะลงทุนด้าน AI อย่างน้อย 25000 ล้านบาท ในปี 2569
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการจัดตั้ง ศูนย์รวมความเชี่ยวชาญ (Center of Excellence:CoEs) จำนวน 9 ศูนย์ หนึ่งในนั้นคือ ศูนย์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ด้านการศึกษา (AI Excellence Center for Education) ที่จะไปสนับสนุนสถาบันทางการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย หรือเครือข่ายด้านการศึกษาต่าง ๆ ในการนำ AI เข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยมากที่สุด

ดร.เศรษฐพันธ์ กระจ่างวงษ์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและพัฒนาทุนทางปัญญา กระทรวง อว. ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันกระทรวง อว. ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยี AI อย่างมาก ภายใต้นโยบายที่เรียกว่า “อว. for AI” ส่วนของการใช้ AI ในการบริหารจัดการ ได้นำ AI มาช่วยในการวิเคราะห์เอกสารหลักสูตร จากเดิมการตรวจสอบหลักสูตรของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งใช้เวลานาน แต่เมื่อมีการนำ AI เข้ามาช่วย สามารถลดระยะเวลาในการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นอกจากนี้ยังนำมาใช้ในการพัฒนาการตรวจสอบตำแหน่งทางวิชาการของอาจารย์ผู้สอน เพื่อลดปัญหาในการรอคอยตำแหน่งต่างๆ

ในภาคบ่าย การจัดการเสวนาในรูปแบบ Focus group โดยทีมงานมหาวิทยาลัยเกริกและผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นให้ผลอันเป็นประโยชน์ในการจัดการศึกษา การใช้และพัฒนา AI ที่เหมาะสม ให้ทันการณ์ต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก “ปัจจุบันการดำเนินงานควรร่วมมือกัน การพัฒนากำหนดนโยบายไม่ควรเป็นหน้าที่ของภาครัฐฝ่ายเดียว สถาบันการศึกษาภาคเอกชน หากมีความพร้อมและความตั้งใจ ก็สามารถขับเคลื่อนประเทศในมิติต่างๆ ได้ โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว หากสถาบันต่างๆ มีความพร้อม ก็สามารถจัดสัมมนา สรุปผล มีการประชาสัมพันธ์ และสื่อสารต่อ นำไปสู่การเชื่อมโยงเพื่อกำหนดนโยบายในการขับเคลื่อนประเทศได้”
#####