กรมส่งเสริมการเกษตร ชวนต่อทะเบียนวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ภายในมกราคม 2568
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า วิสาหกิจชุมชนเป็นหน่วยเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตผลทางการเกษตรและทรัพยากรในชุมชน ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการดำเนินกิจการวิสาหกิจชุมชน
สำหรับวิสาหกิจชุมชนที่ได้ขึ้นทะเบียนและต่อทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรจะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
1) ได้รับการรับรองตามกฎหมาย
2) ได้รับการประเมินศักยภาพและพัฒนาตามแผนความต้องการพัฒนากิจการ
3) ได้รับการ Upskill/Reskill ในการพัฒนาธุรกิจผ่านการอบรมหลักสูตรต่าง ๆ
4) ได้รับการสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์
5) สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำตามนโยบายของรัฐ
6) เข้าถึงช่องทางการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
7) ได้รับการลดค่าธรรมเนียมการจดแจ้งเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อาหารของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา รวมทั้งได้รับการยกเว้นการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับวิสาหกิจชุมชนที่มีรายได้ทั้งปี ไม่เกิน 1800000 บาท
โดยในปี 2568 กรมส่งเสริมการเกษตร กำหนดนโยบายมุ่งเน้นให้วิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน พัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการที่มีความสามารถในการแข่งขันและมีการเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ ร้อยละ 4 ต่อปี และสามารถยกระดับสู่การเป็นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ เท่าทันต่อความท้าทาย การเปลี่ยนแปลงของตลาด และความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการผลิต แปรรูปสินค้าที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ภาพรวมรายได้ของวิสาหกิจชุมชนปี 2566 ประมาณ 8036 ล้านบาท
#######
(ข้อมูลจากจำนวนวิสาหกิจชุมชน 20468 แห่ง ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2567)